วันนี้ 8 พ.ค. 2553 ผมได้มีโอกาสไป meeting กับ We love mascot club ที่บ้าน Mascotthai ผู้ผลิตมาสคอตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี วันนี้คลับของเราไปกัน 8 คน ได้แก่ พี่เอ็ม เอก โต ตู่ ปั้น โดรุ วี และผม(เปี๊ยก) จริงๆแล้วคลับของเรายังมีคนอื่นๆอีก แต่วันนี้สะดวกกัน 8 คน
ในฐานะที่ผมชอบที่จะทำงานใส่มาสคอต เมื่อคลับชวนผมไปดูถึงสถานที่ผลิตชุดมาสคอต ผมจึงไม่ปฏิเสธ และคิดว่านี่คือโอกาสอันดีที่ต้องรีบคว้าเอาไว้ เนื่องจาก 1) คลับของเรามี connection กับลุงประสงค์ เจ้าของบ้าน Mascotthai นั่นก็คือโต หากไม่มีโตผมคงไม่อาจได้เข้าไปดูขั้นตอนการผลิต และได้รับคำแนะนำจากลุงประสงค์อย่างใกล้ชิดเป็นแน่ 2) Mascotthai นั้นอยู่ไกลมาก ถ้าไม่ได้พี่เอ็มขับรถพาพวกเราไป ก็คงยากที่จะกระเตงสังขารของตนเองไปถึงที่นั่นได้ ต้องขอบคุณ โต และ พี่เอ็มไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
ลุงประสงค์พาเราดูตั้งแต่การปั้นดินให้เป็นรูปศีรษะที่ต้องการ แล้วนำปูนปลาสเตอร์มาหล่อให้เป็นรูปโครง เพื่อนำใยแก้วมาทาเรซิน เพื่อทำเป็นหัวไฟเบอร์กลาส จากนั้นนำไปพ่นสี ติดผ้าตามแบบ เจาะช่องสำหรับมอง และติดหมวกกันน็อค ก็จะได้หัวมาสคอตที่สมบูรณ์ และลุงประสงค์ยังได้เล่าประสบการณ์ของตนเอง ตั้งแต่เข้ามาทำมาสคอตช่วงแรกๆ จนกลายเป็นธุรกิจ (ซึ่งแกบอกว่าน่าเบื่อ เพราะแกอยากปั้นงานแบบชิลๆมากกว่า แกชอบปั้นงานศิลปะอย่างมีความสุข) แล้วยังได้พาเราเข้าชมสต็อกชุดมาสคอตสำหรับเช่า และให้สมาชิกของเราที่ไม่เคยใส่ ได้ลองใส่อีกด้วย
สิ่งที่ประทับใจมากอีกอย่างหนึ่ง ในความรู้สึกของผมก็คือการที่คลับนี้รู้จักกันด้วยความชอบร่วมกันของคนเพียงไม่กี่คน โดยบังเอิญทางอินเตอร์เนต แล้วก็เริ่มติดต่อพูดคุยกัน จนเกิดเป็นการ meeting ในวันนี้ได้ โดยเฉพาะการพบกันของโตกับพี่เอ็มซึ่งแปลกและน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากโตเป็นเด็กที่กำลังจะขึ้นม. 6 ส่วนพี่โตอายุยี่สิบปลายๆทำงานแล้ว แต่กลายเป็นเพื่อนกันด้วยสิ่งที่ชอบเหมือนๆกัน พี่เอ็มเคยได้มีโอกาสใส่มาสคอตอย่างเข้มข้นตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ในขณะที่โตรักในมาสคอตตั้งแต่ 10 ขวบ จนตอนนี้โตได้มีมาสคอตเป็นของตัวเองแล้ว 1 ตัว จนวันนี้พี่เอ็มก็มีไอเดียสำหรับมาสคอตที่อยากจะทำเป็นของตนเองแล้ว
ผมคิดเอาเองว่า การที่พี่เอ็มได้เจอโต ทำให้พี่เอ็มเรียกความต้องการส่วนลึกในใจที่ใกล้ความเป็นเด็กของเขากลับคืนมา เพราะผมเดาว่า การที่เราชอบมาสคอต (ซึ่งไม่ใช่สัญลักษณ์ของผู้ใหญ่เมืองไทยเท่าไร) มากๆถึงขั้นอยากสั่งทำเก็บไว้เป็นของตนเอง ในช่วงที่อายุใกล้เลขสาม คือมีภาระการใช้ชีวิตของวัยผู้ใหญ่เต็มตัวนั้น น่าจะเป็นไปได้ยาก ทำให้พี่เอ็มสนิทกับโตอย่างรวดเร็ว
เหมือนเพลงของบอย ตรัย ที่ชื่อ “พื้นที่เล็กๆ”
“เมื่อนาฬิกาในชีวิตหมุนเร็วกว่าใจ จนตัวเราเองอาจหล่นหาย เมื่อเด็กคนหนึ่งที่อยู่ในใจ เขาไปไหน ทำไมวันนี้เขาหายไปจากเรา
ขอพื้นที่เล็กๆให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหม ไม่ว่านานเท่าไร ก็ไม่เปลี่ยนไปได้หรือเปล่า ให้ความสดใส ยังอยู่กับเรา อย่าให้ใครเขามาแย่งไป
แค่เพียงอยาก ขอพื้นที่เล็กๆนี้ยังเป็นเด็กไปนานๆ ให้เรายังได้ฝัน ให้เรายังยิ้มได้ โลกแห่งความจริง มันจะดีหรือร้าย เก็บความเป็นเด็กในหัวใจ เอาไว้
เมื่อนาฬิกาในชีวิตหมุนเร็วกว่าใจ จนลืมว่าเราเคยเป็นใคร อย่าลืมเด็กน้อย ทิ้งปล่อยเขาคอยอยู่เดียวดาย ได้ยินใช่ไหมเสียงนั้นที่เรียกเรา”
ในขณะเดียวกัน “พื้นที่เล็กๆ” ของพี่เอ็ม ก็ยังมีแนวคิดที่เป็นผู้ใหญ่สอดร้อยด้วยกันอยู่อย่างแยกไม่ออก พี่เอ็มอยากให้คลับนี้พัฒนาขึ้นไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เหมือนที่พี่เขาได้เล่าถึงสมาคมมาสคอตของญี่ปุ่น ทำให้เกิดคำถามว่า “ครั้งหน้าเราไปทำบุญกันดีไหม” ซึ่งลุงประสงค์ก็ใจดีพร้อมที่จะให้เรานำชุดมาสคอตของเราไปใช้ในงานการกุศลได้อย่างไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกด้วย
ผมเห็นศักยภาพครับ ผมวาดภาพของคลับนี้ที่อาจจะพัฒนาเป็นกลุ่มมาสคอตเพื่อสังคมไม่ว่ารูปแบบใดรูปแบบหนึ่งได้ในอนาคต ซึ่งผมคิดว่าถ้าคลับของเรามีวัตถุประสงค์ที่จะก้าวไปให้ชัดเจน และระบุในเวบบอร์ดของเรา อาจทำให้คลับนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกก็ได้
การทำงานเพื่อสังคมผ่านสิ่งที่เรารักคือชุดมาสคอต ทำให้เราสามารถถ่ายทอดความสุขของเราเวลาที่ใส่ไปสู่คนรอบข้างได้ ใครที่อยากทำชุดของตนเองเก็บไว้ จะได้นำมันออกมาใช้เพื่อผู้อื่น และเมื่อกลุ่มเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น อาจมีคนมาติดต่องานใส่มาสคอตให้เราเพิ่มขึ้นก็เป็นได้
กว่าจะถึงจุดนั้น คงใช้เวลาอีกพอสมควร แต่ผมคิดว่าไม่ยากเกินเอื้อมน่าลองกันซักตั้ง !!!
ในฐานะที่ผมชอบที่จะทำงานใส่มาสคอต เมื่อคลับชวนผมไปดูถึงสถานที่ผลิตชุดมาสคอต ผมจึงไม่ปฏิเสธ และคิดว่านี่คือโอกาสอันดีที่ต้องรีบคว้าเอาไว้ เนื่องจาก 1) คลับของเรามี connection กับลุงประสงค์ เจ้าของบ้าน Mascotthai นั่นก็คือโต หากไม่มีโตผมคงไม่อาจได้เข้าไปดูขั้นตอนการผลิต และได้รับคำแนะนำจากลุงประสงค์อย่างใกล้ชิดเป็นแน่ 2) Mascotthai นั้นอยู่ไกลมาก ถ้าไม่ได้พี่เอ็มขับรถพาพวกเราไป ก็คงยากที่จะกระเตงสังขารของตนเองไปถึงที่นั่นได้ ต้องขอบคุณ โต และ พี่เอ็มไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
ลุงประสงค์พาเราดูตั้งแต่การปั้นดินให้เป็นรูปศีรษะที่ต้องการ แล้วนำปูนปลาสเตอร์มาหล่อให้เป็นรูปโครง เพื่อนำใยแก้วมาทาเรซิน เพื่อทำเป็นหัวไฟเบอร์กลาส จากนั้นนำไปพ่นสี ติดผ้าตามแบบ เจาะช่องสำหรับมอง และติดหมวกกันน็อค ก็จะได้หัวมาสคอตที่สมบูรณ์ และลุงประสงค์ยังได้เล่าประสบการณ์ของตนเอง ตั้งแต่เข้ามาทำมาสคอตช่วงแรกๆ จนกลายเป็นธุรกิจ (ซึ่งแกบอกว่าน่าเบื่อ เพราะแกอยากปั้นงานแบบชิลๆมากกว่า แกชอบปั้นงานศิลปะอย่างมีความสุข) แล้วยังได้พาเราเข้าชมสต็อกชุดมาสคอตสำหรับเช่า และให้สมาชิกของเราที่ไม่เคยใส่ ได้ลองใส่อีกด้วย
สิ่งที่ประทับใจมากอีกอย่างหนึ่ง ในความรู้สึกของผมก็คือการที่คลับนี้รู้จักกันด้วยความชอบร่วมกันของคนเพียงไม่กี่คน โดยบังเอิญทางอินเตอร์เนต แล้วก็เริ่มติดต่อพูดคุยกัน จนเกิดเป็นการ meeting ในวันนี้ได้ โดยเฉพาะการพบกันของโตกับพี่เอ็มซึ่งแปลกและน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากโตเป็นเด็กที่กำลังจะขึ้นม. 6 ส่วนพี่โตอายุยี่สิบปลายๆทำงานแล้ว แต่กลายเป็นเพื่อนกันด้วยสิ่งที่ชอบเหมือนๆกัน พี่เอ็มเคยได้มีโอกาสใส่มาสคอตอย่างเข้มข้นตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ในขณะที่โตรักในมาสคอตตั้งแต่ 10 ขวบ จนตอนนี้โตได้มีมาสคอตเป็นของตัวเองแล้ว 1 ตัว จนวันนี้พี่เอ็มก็มีไอเดียสำหรับมาสคอตที่อยากจะทำเป็นของตนเองแล้ว
ผมคิดเอาเองว่า การที่พี่เอ็มได้เจอโต ทำให้พี่เอ็มเรียกความต้องการส่วนลึกในใจที่ใกล้ความเป็นเด็กของเขากลับคืนมา เพราะผมเดาว่า การที่เราชอบมาสคอต (ซึ่งไม่ใช่สัญลักษณ์ของผู้ใหญ่เมืองไทยเท่าไร) มากๆถึงขั้นอยากสั่งทำเก็บไว้เป็นของตนเอง ในช่วงที่อายุใกล้เลขสาม คือมีภาระการใช้ชีวิตของวัยผู้ใหญ่เต็มตัวนั้น น่าจะเป็นไปได้ยาก ทำให้พี่เอ็มสนิทกับโตอย่างรวดเร็ว
เหมือนเพลงของบอย ตรัย ที่ชื่อ “พื้นที่เล็กๆ”
“เมื่อนาฬิกาในชีวิตหมุนเร็วกว่าใจ จนตัวเราเองอาจหล่นหาย เมื่อเด็กคนหนึ่งที่อยู่ในใจ เขาไปไหน ทำไมวันนี้เขาหายไปจากเรา
ขอพื้นที่เล็กๆให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหม ไม่ว่านานเท่าไร ก็ไม่เปลี่ยนไปได้หรือเปล่า ให้ความสดใส ยังอยู่กับเรา อย่าให้ใครเขามาแย่งไป
แค่เพียงอยาก ขอพื้นที่เล็กๆนี้ยังเป็นเด็กไปนานๆ ให้เรายังได้ฝัน ให้เรายังยิ้มได้ โลกแห่งความจริง มันจะดีหรือร้าย เก็บความเป็นเด็กในหัวใจ เอาไว้
เมื่อนาฬิกาในชีวิตหมุนเร็วกว่าใจ จนลืมว่าเราเคยเป็นใคร อย่าลืมเด็กน้อย ทิ้งปล่อยเขาคอยอยู่เดียวดาย ได้ยินใช่ไหมเสียงนั้นที่เรียกเรา”
ในขณะเดียวกัน “พื้นที่เล็กๆ” ของพี่เอ็ม ก็ยังมีแนวคิดที่เป็นผู้ใหญ่สอดร้อยด้วยกันอยู่อย่างแยกไม่ออก พี่เอ็มอยากให้คลับนี้พัฒนาขึ้นไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เหมือนที่พี่เขาได้เล่าถึงสมาคมมาสคอตของญี่ปุ่น ทำให้เกิดคำถามว่า “ครั้งหน้าเราไปทำบุญกันดีไหม” ซึ่งลุงประสงค์ก็ใจดีพร้อมที่จะให้เรานำชุดมาสคอตของเราไปใช้ในงานการกุศลได้อย่างไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกด้วย
ผมเห็นศักยภาพครับ ผมวาดภาพของคลับนี้ที่อาจจะพัฒนาเป็นกลุ่มมาสคอตเพื่อสังคมไม่ว่ารูปแบบใดรูปแบบหนึ่งได้ในอนาคต ซึ่งผมคิดว่าถ้าคลับของเรามีวัตถุประสงค์ที่จะก้าวไปให้ชัดเจน และระบุในเวบบอร์ดของเรา อาจทำให้คลับนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกก็ได้
การทำงานเพื่อสังคมผ่านสิ่งที่เรารักคือชุดมาสคอต ทำให้เราสามารถถ่ายทอดความสุขของเราเวลาที่ใส่ไปสู่คนรอบข้างได้ ใครที่อยากทำชุดของตนเองเก็บไว้ จะได้นำมันออกมาใช้เพื่อผู้อื่น และเมื่อกลุ่มเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น อาจมีคนมาติดต่องานใส่มาสคอตให้เราเพิ่มขึ้นก็เป็นได้
กว่าจะถึงจุดนั้น คงใช้เวลาอีกพอสมควร แต่ผมคิดว่าไม่ยากเกินเอื้อมน่าลองกันซักตั้ง !!!
Mon Aug 15, 2011 5:08 pm by jitporn_vor
» Mascot Dry Clean service, with Hygiene & professional team, 1,200 B/suit Tel 0840709000
Mon Aug 15, 2011 5:07 pm by jitporn_vor
» Welcome Back!
Sun Aug 14, 2011 7:19 pm by TaiLmoN
» กฏการใช้หมวด "ประกาศ"
Sun Aug 14, 2011 6:47 pm by TaiLmoN
» Mascot โคนัน หาเช่าได้ที่ไหนครับ
Sat Jun 25, 2011 8:43 pm by mib747com
» หางานใส่มาสคอตครับ
Tue Jun 14, 2011 1:45 pm by bestthai
» ประชาสัมพันธ์ Gobig Mascot รับสมัครใส่ชุดมาสคอต
Tue Jun 14, 2011 1:43 pm by bestthai
» ขายชุดมาสคอต ทอม จากเรื่อง TOM&JERRY ครับ
Mon Apr 25, 2011 5:05 pm by birdkun
» หางานใส่มาสคอทครับบ :D
Thu Mar 24, 2011 12:19 am by horizon209