ทางสองแพร่ง ของโอกาสกับความสุข
วันนี้ (29 เม.ย. 53) รายการเดอะสตาร์ ได้พาผู้เข้าแข่งขัน 2 คนสุดท้าย ไปพบกับซุปเปอร์อันดับ 1 ของเมืองไทย พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย หลังจากที่พี่เบิร์ด ให้พรและกำลังใจแก่ 2 ผู้เข้าแข่งขันแล้ว ผู้เข้าแข่งขันท่านหนึ่ง ได้ยิงคำถามใส่พี่เบิร์ดประมาณว่า พี่อยู่วงการมานานแล้ว พี่ทำยังไงถึงอยู่ในวงการได้นานขนาดนี้ คำตอบของพี่เบิร์ดน่าประทับใจ และให้ข้อคิดที่ดีมากๆ ผมขอเรียบเรียงเป็นภาษาของตนเองดังนี้
“การที่พี่เบิร์ดมาเป็นศิลปิน พี่เบิร์ดมีแต่ได้กับได้ แม้ว่าพี่เบิร์ดจะทิ้งความมั่นคงจากงานธนาคารที่ตอนนั้นพี่ทำอยู่ เพื่อมาเป็นศิลปินซึ่งพี่ก็ไม่รู้ว่าพี่จะประสบความสำเร็จหรือไม่แต่พี่ได้เลือกแล้ว พี่ต้องซื่อสัตย์กับสิ่งที่ตนเองเลือก พี่ต้องทุ่มเทกับมัน เผอิญว่าพี่มีความสุขในสิ่งที่พี่เลือก พี่ไม่เคยเบื่อเวลาที่พี่ในห้องซ้อมเต้น ในห้องอัดเสียง พี่อยากจะซ้อมเต้นซ้อมร้องอยู่ตลอดเวลา น้องๆคิดดูว่า พี่เป็นนักร้อง มีคนคิดท่าเต้นให้พี่ มีคนแต่งเพลงให้พี่ ดนตรีในทุกๆห้องทุกๆจังหวะ มีคนเตรียมให้พี่อย่างดี พี่เพียงแต่ตั้งใจร้อง ตั้งใจเต้น ตั้งใจซ้อม เมื่อพี่ทำมันได้ดีคนที่เสพผลงานของพี่เค้าก็รักพี่อีก พี่มีแต่ได้กับได้ พี่ไม่เคยต้องเสียอะไร ชีวิตของพี่โชคดีมาก พี่ต้องทำเพียงอย่างเดียวคือ ซื่อสัตย์กับตัวเองและซื่อสัตย์ต่อคนที่เชื่อมั่นในตัวพี่ เพราะฉะนั้นพี่ต้องเชื่อมั่นในตัวเองด้วยว่าพี่ต้องทำได้ ทำให้ถึงที่สุด”
ที่ผมชอบมากที่สุดคือ “ทำให้ดีที่สุด เพราะมีแต่ได้กับได้” แต่ก็รู้สึกว่าทำพูดนี้นำไปปฏิบัติจริงได้ยากอยู่ไม่น้อย ด้วยเงื่อนไขหลายอย่างที่แต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน เช่นถ้าเรารับโอกาสที่จะได้ทำบางสิ่งบางอย่าง แต่ว่าเมื่อเราทำแล้ว เรากลับไม่มีความสุขเลยในสิ่งที่ทำ บางคนอาจจะลงมือทำมันต่อไปให้ดีที่สุดได้ แต่ผมคิดว่าหลายคนคงทำต่อไปไม่ไหว เพราะใจมันเหนื่อยล้า ถ้าไม่ใช่งานบังคับก็อยากจะเลิกเสียด้วยการทำให้มันเสร็จๆไปซักที
“พี่เบิร์ดได้เลือกแล้ว ก็ต้องซื้อสัตย์กับสิ่งที่ตนเองเลือก” หลายครั้งที่โอกาสบางอย่างเข้ามาในชีวิตให้เราเลือก และหลายครั้งที่เราไม่อาจล่วงรู้ผลของการเลือกนั้นที่จะเกิดขึ้นตามมา หากผลของการเลือกไม่เป็นไปอย่างที่ใจนึก เมื่อเลือกแล้วไม่สามารถคิดบวกต่อไปได้จนถึงที่สุด มันก็อาจจะต้องหยุดเข้าซักวัน แต่หากเราไม่เลือก บางทีเราก็อาจจะเสียโอกาสนั้นไปโดยที่ยังไม่ทันได้ลองทำอะไรเลย
“พี่ต้องเชื่อมั่นในตัวเองด้วยว่าพี่ต้องทำได้ ทำให้ถึงที่สุด” ก่อนเลือกก็อาจจะรู้สึกว่า ถ้าเลือกแล้วเราต้องทำได้แน่ๆ แต่หลังจากเลือกแล้วเกิดเราไม่สามารถทำได้ขึ้นมา เราผิดหรือเปล่า อาจมีคนบอกให้เราลองเทียบกับคนที่เขาโอกาสน้อยกว่าเรา เช่นคนพิการ ที่เขามีแรงฮึดสู้แล้วทำมันได้สำเร็จ ผมคิดว่าคนที่มีครบ 32 แต่ก็ยังคงก้าวข้ามขีดจำกัดบางอย่างของตนเองไม่ได้ ย่อมเข้าใจโอกาสที่ตนได้รับ แต่เพราะเรามีสิทธิเลือกไม่ใช่เหรอ ในอีกแง่มุมหนึ่ง ผู้พิการอาจจะไม่มีตัวเลือกมากมายนัก จึงต้องทำทางที่ตนอาจไม่อยากเลือกให้สำเร็จ ถ้าฉันมีสิทธิเลือก แล้วเลือกที่จะไม่ทำให้ถึงที่สุด ฉันคิดอย่างนี้จะผิดไหมนะ
ความสุขของพี่เบิร์ดอาจเป็นหนึ่งในล้าน คนไทยที่มุ่งมั่นไปประกวดแข่งขันเพื่อเข้าวงการบันเทิงทั้งหลายนั้น อาจจะร้องแพลง และเต้นแล้วมีควาสุขมากๆ แต่ไม่ได้รับโอกาสให้เข้าไปทำงานบันเทิง แต่กลับบางคนที่ได้รับโอกาสนั้นง่ายๆ เพราะว่าหน้าตาดีมีเสน่ห์ เสียงไพเราะมาแต่กำเนิด แต่ถ้าเขาไม่เลือกที่จะรับโอกาสเหล่านั้น พวกเขาผิดอย่างนั้นเหรอ เดอะสตาร์ 6 มีบุคคลหนึ่งที่ได้เข้ารอบคัดเลือก 20 คนสุดท้าย แต่เขากลับทิ้งโอกาสกลางคัน กระแสที่มีต่อเรื่องราวของเขาในครั้งนั้น มีแต่เสียงก่นด่าในแง่ลบ เพราะเค้าเป็นตัวแทนของโอกาสที่คนบางคนอาจจะไม่มีทางได้รับเลยก็ได้ในชีวิต คำตอบของคนที่มีโอกาสแต่ไม่คว้าเอาไว้คือ ผิด ล่ะมั้ง
คนที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดไปได้นั้น อาจสังเกตได้ง่ายจากแววตาของเขา เวลาพูดถึงสิ่งที่ตนเองอยากทำ ผมเดาว่าคุณวงษ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ที่สามารถขอทุนหนึ่งล้านบาทจากบุคคลที่ไม่เคยรู้จักกันเพื่อนำไปทำนิตยสาร a day คงรับรู้ถึงความมุ่งมั่นจากดวงตาคู่นั้น หรือแม้แต่ข้อความโฆษณาขายหุ้นต่างๆที่เขาเขียนขึ้น คนอ่านก็นึกแววตาของเขาออกโดยพลัน ผมคิดว่านอกจากเขาจะเชื่อมั่นในตนเองแล้ว เขาคงนึกออกแต่ภาพความสุขของเขาหลังจากที่ได้ลงมือทำฝันนั้นให้เป็นจริง ส่วนความทุกข์คงเหมือนมด แค่บี้ก็หายไปแล้ว
มาถึงจุดนี้ ผมอยากจะให้ทุกคนที่มีโอกาสเลือก ได้ลองไตร่ตรองถึงโอกาสที่ตนเองได้รับ ลองคิดภาพของตนเองว่าจะเกิดความทุกข์หลังจากที่รับโอกาสนั้นมาหรือไม่ ถ้ายังนึกออก แล้วไม่ได้รู้สึกว่าความทุกข์ที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทาย ผมว่าอย่าเลือกโอกาสนั้นมาลองเลยครับ ทุกข์ของคุณอาจไม่คุ้มที่จะเสี่ยง อย่างน้อยผมคงไม่มองว่ามันเป็นเรื่องผิด
แม้คำตอบของพี่เบิร์ดจะน่าประทับใจ แต่สิ่งที่หลายคนได้เรียนรู้ กลับต่างไปอย่างสิ้นเชิงก็เป็นได้ แต่ขอให้ทุกท่านได้พบกับแววตาที่มีความสุขของตนเองในเร็ววันนะครับ
เปี๊ยก
วันนี้ (29 เม.ย. 53) รายการเดอะสตาร์ ได้พาผู้เข้าแข่งขัน 2 คนสุดท้าย ไปพบกับซุปเปอร์อันดับ 1 ของเมืองไทย พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย หลังจากที่พี่เบิร์ด ให้พรและกำลังใจแก่ 2 ผู้เข้าแข่งขันแล้ว ผู้เข้าแข่งขันท่านหนึ่ง ได้ยิงคำถามใส่พี่เบิร์ดประมาณว่า พี่อยู่วงการมานานแล้ว พี่ทำยังไงถึงอยู่ในวงการได้นานขนาดนี้ คำตอบของพี่เบิร์ดน่าประทับใจ และให้ข้อคิดที่ดีมากๆ ผมขอเรียบเรียงเป็นภาษาของตนเองดังนี้
“การที่พี่เบิร์ดมาเป็นศิลปิน พี่เบิร์ดมีแต่ได้กับได้ แม้ว่าพี่เบิร์ดจะทิ้งความมั่นคงจากงานธนาคารที่ตอนนั้นพี่ทำอยู่ เพื่อมาเป็นศิลปินซึ่งพี่ก็ไม่รู้ว่าพี่จะประสบความสำเร็จหรือไม่แต่พี่ได้เลือกแล้ว พี่ต้องซื่อสัตย์กับสิ่งที่ตนเองเลือก พี่ต้องทุ่มเทกับมัน เผอิญว่าพี่มีความสุขในสิ่งที่พี่เลือก พี่ไม่เคยเบื่อเวลาที่พี่ในห้องซ้อมเต้น ในห้องอัดเสียง พี่อยากจะซ้อมเต้นซ้อมร้องอยู่ตลอดเวลา น้องๆคิดดูว่า พี่เป็นนักร้อง มีคนคิดท่าเต้นให้พี่ มีคนแต่งเพลงให้พี่ ดนตรีในทุกๆห้องทุกๆจังหวะ มีคนเตรียมให้พี่อย่างดี พี่เพียงแต่ตั้งใจร้อง ตั้งใจเต้น ตั้งใจซ้อม เมื่อพี่ทำมันได้ดีคนที่เสพผลงานของพี่เค้าก็รักพี่อีก พี่มีแต่ได้กับได้ พี่ไม่เคยต้องเสียอะไร ชีวิตของพี่โชคดีมาก พี่ต้องทำเพียงอย่างเดียวคือ ซื่อสัตย์กับตัวเองและซื่อสัตย์ต่อคนที่เชื่อมั่นในตัวพี่ เพราะฉะนั้นพี่ต้องเชื่อมั่นในตัวเองด้วยว่าพี่ต้องทำได้ ทำให้ถึงที่สุด”
ที่ผมชอบมากที่สุดคือ “ทำให้ดีที่สุด เพราะมีแต่ได้กับได้” แต่ก็รู้สึกว่าทำพูดนี้นำไปปฏิบัติจริงได้ยากอยู่ไม่น้อย ด้วยเงื่อนไขหลายอย่างที่แต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน เช่นถ้าเรารับโอกาสที่จะได้ทำบางสิ่งบางอย่าง แต่ว่าเมื่อเราทำแล้ว เรากลับไม่มีความสุขเลยในสิ่งที่ทำ บางคนอาจจะลงมือทำมันต่อไปให้ดีที่สุดได้ แต่ผมคิดว่าหลายคนคงทำต่อไปไม่ไหว เพราะใจมันเหนื่อยล้า ถ้าไม่ใช่งานบังคับก็อยากจะเลิกเสียด้วยการทำให้มันเสร็จๆไปซักที
“พี่เบิร์ดได้เลือกแล้ว ก็ต้องซื้อสัตย์กับสิ่งที่ตนเองเลือก” หลายครั้งที่โอกาสบางอย่างเข้ามาในชีวิตให้เราเลือก และหลายครั้งที่เราไม่อาจล่วงรู้ผลของการเลือกนั้นที่จะเกิดขึ้นตามมา หากผลของการเลือกไม่เป็นไปอย่างที่ใจนึก เมื่อเลือกแล้วไม่สามารถคิดบวกต่อไปได้จนถึงที่สุด มันก็อาจจะต้องหยุดเข้าซักวัน แต่หากเราไม่เลือก บางทีเราก็อาจจะเสียโอกาสนั้นไปโดยที่ยังไม่ทันได้ลองทำอะไรเลย
“พี่ต้องเชื่อมั่นในตัวเองด้วยว่าพี่ต้องทำได้ ทำให้ถึงที่สุด” ก่อนเลือกก็อาจจะรู้สึกว่า ถ้าเลือกแล้วเราต้องทำได้แน่ๆ แต่หลังจากเลือกแล้วเกิดเราไม่สามารถทำได้ขึ้นมา เราผิดหรือเปล่า อาจมีคนบอกให้เราลองเทียบกับคนที่เขาโอกาสน้อยกว่าเรา เช่นคนพิการ ที่เขามีแรงฮึดสู้แล้วทำมันได้สำเร็จ ผมคิดว่าคนที่มีครบ 32 แต่ก็ยังคงก้าวข้ามขีดจำกัดบางอย่างของตนเองไม่ได้ ย่อมเข้าใจโอกาสที่ตนได้รับ แต่เพราะเรามีสิทธิเลือกไม่ใช่เหรอ ในอีกแง่มุมหนึ่ง ผู้พิการอาจจะไม่มีตัวเลือกมากมายนัก จึงต้องทำทางที่ตนอาจไม่อยากเลือกให้สำเร็จ ถ้าฉันมีสิทธิเลือก แล้วเลือกที่จะไม่ทำให้ถึงที่สุด ฉันคิดอย่างนี้จะผิดไหมนะ
ความสุขของพี่เบิร์ดอาจเป็นหนึ่งในล้าน คนไทยที่มุ่งมั่นไปประกวดแข่งขันเพื่อเข้าวงการบันเทิงทั้งหลายนั้น อาจจะร้องแพลง และเต้นแล้วมีควาสุขมากๆ แต่ไม่ได้รับโอกาสให้เข้าไปทำงานบันเทิง แต่กลับบางคนที่ได้รับโอกาสนั้นง่ายๆ เพราะว่าหน้าตาดีมีเสน่ห์ เสียงไพเราะมาแต่กำเนิด แต่ถ้าเขาไม่เลือกที่จะรับโอกาสเหล่านั้น พวกเขาผิดอย่างนั้นเหรอ เดอะสตาร์ 6 มีบุคคลหนึ่งที่ได้เข้ารอบคัดเลือก 20 คนสุดท้าย แต่เขากลับทิ้งโอกาสกลางคัน กระแสที่มีต่อเรื่องราวของเขาในครั้งนั้น มีแต่เสียงก่นด่าในแง่ลบ เพราะเค้าเป็นตัวแทนของโอกาสที่คนบางคนอาจจะไม่มีทางได้รับเลยก็ได้ในชีวิต คำตอบของคนที่มีโอกาสแต่ไม่คว้าเอาไว้คือ ผิด ล่ะมั้ง
คนที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดไปได้นั้น อาจสังเกตได้ง่ายจากแววตาของเขา เวลาพูดถึงสิ่งที่ตนเองอยากทำ ผมเดาว่าคุณวงษ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ที่สามารถขอทุนหนึ่งล้านบาทจากบุคคลที่ไม่เคยรู้จักกันเพื่อนำไปทำนิตยสาร a day คงรับรู้ถึงความมุ่งมั่นจากดวงตาคู่นั้น หรือแม้แต่ข้อความโฆษณาขายหุ้นต่างๆที่เขาเขียนขึ้น คนอ่านก็นึกแววตาของเขาออกโดยพลัน ผมคิดว่านอกจากเขาจะเชื่อมั่นในตนเองแล้ว เขาคงนึกออกแต่ภาพความสุขของเขาหลังจากที่ได้ลงมือทำฝันนั้นให้เป็นจริง ส่วนความทุกข์คงเหมือนมด แค่บี้ก็หายไปแล้ว
มาถึงจุดนี้ ผมอยากจะให้ทุกคนที่มีโอกาสเลือก ได้ลองไตร่ตรองถึงโอกาสที่ตนเองได้รับ ลองคิดภาพของตนเองว่าจะเกิดความทุกข์หลังจากที่รับโอกาสนั้นมาหรือไม่ ถ้ายังนึกออก แล้วไม่ได้รู้สึกว่าความทุกข์ที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทาย ผมว่าอย่าเลือกโอกาสนั้นมาลองเลยครับ ทุกข์ของคุณอาจไม่คุ้มที่จะเสี่ยง อย่างน้อยผมคงไม่มองว่ามันเป็นเรื่องผิด
แม้คำตอบของพี่เบิร์ดจะน่าประทับใจ แต่สิ่งที่หลายคนได้เรียนรู้ กลับต่างไปอย่างสิ้นเชิงก็เป็นได้ แต่ขอให้ทุกท่านได้พบกับแววตาที่มีความสุขของตนเองในเร็ววันนะครับ
เปี๊ยก
Mon Aug 15, 2011 5:08 pm by jitporn_vor
» Mascot Dry Clean service, with Hygiene & professional team, 1,200 B/suit Tel 0840709000
Mon Aug 15, 2011 5:07 pm by jitporn_vor
» Welcome Back!
Sun Aug 14, 2011 7:19 pm by TaiLmoN
» กฏการใช้หมวด "ประกาศ"
Sun Aug 14, 2011 6:47 pm by TaiLmoN
» Mascot โคนัน หาเช่าได้ที่ไหนครับ
Sat Jun 25, 2011 8:43 pm by mib747com
» หางานใส่มาสคอตครับ
Tue Jun 14, 2011 1:45 pm by bestthai
» ประชาสัมพันธ์ Gobig Mascot รับสมัครใส่ชุดมาสคอต
Tue Jun 14, 2011 1:43 pm by bestthai
» ขายชุดมาสคอต ทอม จากเรื่อง TOM&JERRY ครับ
Mon Apr 25, 2011 5:05 pm by birdkun
» หางานใส่มาสคอทครับบ :D
Thu Mar 24, 2011 12:19 am by horizon209